บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

Nasa ยังอายหมอปลาย



มีคนใช้ชื่อนามแผงว่า “กัมบี้จ่ายกาด” ตั้งกระทู้ตามติด “หมอปลาย” แบบกัดไม่ปล่อย ทำให้ผมต้องเอามาเผยแพร่ต่อไป

ที่เห็นๆ ก็มี 2 กระทู้ ดังนี้


กระทู้แรก เนื้อหาของกระทู้เป็น ดังนี้

ท่านพญายมได้บอกทางจิตสัมผัสกับเธอคนนี้ว่า ...อีก 3-4 เดือน นาซ่าจะค้นพบดาวเคราะห์ดวงใหม่ในระบบสุริยะ  (รายการ ณ จุดนี้  ออกคลิปทาง youtube  30 ก.ค. 57 )

ประเด็นชวนถามคือ
1- การที่มีดาวซักดวงหนึ่งโคจรเข้ามาในระบบสุริยะนั้น เกิดขึ้นได้บ่อยแค่ไหนครับ?
2- นาซ่า หรือหน่วยงานทางอากาศสามารถรู้ล่วงถึงดาวเคราะห์ที่จะโคจรเข้ามาในระบบสุริยะได้หรือไม่ ?
3- อีกไม่นาน (3-4 เดือน = ไม่เกิน 30 ธ.ค. 57  นี้) เราจะพบดาวเคราะห์ดวงใหม่ในระบบสุริยะ เป็นไปได้แค่ไหน ?
4- ถ้าไม่เกิดจริง แสดงว่าจิตสัมผัสเธอไม่แม่นใช่ไหมครัช   : )

ถอดคำพูดแบบคำต่อคำจากรายการ ช่วงนาทีที่ 19.40 – 21.15  (1 นาทีครึ่ง)

หมอปลาย : ท่านบอกว่า อีกประมาณ 3 – 4 เดือนหลังจากนี้ นาซ่าจะพบดาวเคราะห์ดวงใหม่เกิดขึ้นมาในระบบสุริยะจักรวาล

พิธีกร : นั่นคือเรื่องของว่าสิ่งที่จะพบ .. ในระบบสุริยะของเราจะพบอีกดวงนึง (ใช่คะ) แล้วมีมนุษย์ต่างดาวไหม ?
หมอปลาย : คริๆ ๆ  ไม่ทราบเหมือนกัน

พิธีกร : อันนี้คือสิ่งที่ชี้ไว้นะครับว่า ใน 3 -4  เดือน จากนี้ นาซ่าจะประกาศออกมาเลยว่า
หมอปลาย : เอ่อ ก็ไม่รู้ว่าคนไทยจะตามข่าวอีกรึป่าวนะคะ เพราะอย่างเช่น สึนามิที่เกิดขึ้นที่ญี่ปุ่นเมื่อไม่นานมานี้ ลูกเล็กๆ อะคะ ก็ไม่เห็นมีข่าวเลย

พิธีกร : ก็มีน้อยมากนะครับ ... แล้วการเกิดขึ้นของดาวเคราะห์ดวงนี้ .. จะมีผลกับมนุษย์เราบ้างมะ?
หมอปลาย : มีคะ เรื่องน้ำขึ้นน้ำลงคะ จะเหวี่ยงสวิงขึ้นแบบรวดเร็วกว่าเดิม

พิธีกร : จะทำให้น้ำขึ้นน้ำลงเร็วขึ้น
หมอปลาย : ใช่คะ ซึ่งแต่ก่อนอาจจะเป็น 6 ชม. น้ำลง  6 ชม. น้ำขึ้น อาจจะเป็น 3 – 4 หรือ 5 ชม. อย่างนี้คะ ซึ่งการคาดการณ์ จากเดิมที่มีระบบตายตัวอาจจะต้องเปลี่ยนระบบ แล้วก็สนามแม่เหล็กจะเปลี่ยน

พิธีกร : คือเมื่อก่อนนี้ น้ำขึ้นลงของเราจะขึ้นอยู่กับพระจันทร์  (ใช่คะ) ...
แล้วดาวดวงนี้มันพึ่งเข้ามาหรือยังไง หรือว่ามันมีอยู่แล้วแล้วค้นพบ มันน่าจะพึ่งเข้ามาไหม ?
หมอปลาย : ท่านบอกว่าพึ่งจะค้นพบ  แต่จริงๆ เหมือนกับพึ่งโคจรเข้ามาอยู่ในระบบ

กระที่สอง แกมาตามเรื่อง ดังนี้

ที่หมอปลายทำนายว่าเราจะพบดาวเคราะห์ดวงใหม่ในระบบสุริยะ ภายใน 3-4 เดือนข้างหน้า ในรายการ ณ จุดนี้

ที่ออกเผยแผ่คลิปใน youtube เมื่อ 30 ก.ค. 2557

บัดนี้เกินระยะเวลา 3-4 เดือนแล้ว  30 ก.ค. - 28 ม.ค. = 5 เดือนกับ 28 วัน

อยากรู้ครับว่า NASA ได้ค้นพบดาวเคราะห์ดวงใหม่ตามที่หมอแกทำนายไว้หรือยัง แล้วมีการสวิงตัวของนํ้าขึ้นนํ้าลงแบบผิดปกติบ้างไหม

รึท่านยม บอกหมอปลายผิดไป ?

เจ้าของกระทู้เห็นว่า หมอปลายทำนายผิดแน่ๆ แต่ยังเข้าข้างอยู่นิด คือ ไปโทษว่า “พญายมทำนายผิด หมอปลายเลยผิดไปด้วย

หมอปลายคนนี้ สงสัยคงจะเป็นหมอตำแยแน่ๆ ทำนายผิดมาแล้ว หลายครั้ง มีคนให้ความคิดเห็นเพื่อทวงถามว่า

แควนๆ คงลืม เรื่องที่ หมอปลายทำนายไว้ ภัยพิบัติสึนามิทางภาคใต้ที่จะเกิด ปลายเดือนที่แล้ว แล้วนินะ มดดำ น่าจะหาทางตามตัว ปลาย ไป ถามอยู่นิ

เจ้าของกระทู้ ก็ตอบมาทันควันว่า

ผมคนนึงที่ไม่ลืมอะคับ

เธอดริฟต์ว่า  ป.ยอมทายผิดดีกว่าคะ ทายถูกแล้วมีคนตายเยอะเป็นร้อย  ประเด็นคือ อยากให้คนไม่ประมาท

โถ  อีปลวก มุกนี้มันโคตรตรรกะวิบัติเลย เอาถ้วยแถประจำปีไปเลยมั้ย

ที่เซ็งคือ ญาติใกล้ตัวดันเชื่อเธอซะนี่ เลยขอออกมาบลัฟเธอหน่อย

อ่านกระทู้แล้ว ผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า

1- หมอปลายแกเป็นเมียพญายมหรือยังไง พญายมถึงต้องมาบอกเรื่องนี้กับหมอปลายด้วย

2- พญายมแกมีหน้าที่อยู่ในนรก ไม่เคยเห็นเดือน เห็นตะวัน ท่านจะมารู้เรื่องดาวเคราะห์ได้ยังไง

3- ดาวเคราะห์ร้าย ดาวเคราะห์ดี ถ้าจะมา มันจะทำ “น้ำขึ้นน้ำลงเหวี่ยงสวิงขึ้นแบบรวดเร็วกว่าเดิม”  ได้ยังไง  น้ำในทะเลสวิงเหวี่ยงไปถึงดาวอังคารเลยหรือเปล่าก็ไม่รู้

4- เขาถามดาวเคราะห์ว่ามีมนุษย์หรือไม่   หมอปลายบอกว่า “ไม่รู้”  แล้วทำไมไม่ถามท่านพญายมหรือละเอียดกว่านี้

โดยสรุป 

คำทำนายพวกนี้ ไม่ใช่ของจริงครับ  ไม่มี “วิชาหรือองค์ความรู้” ใดๆ ไม่ว่าจะเป็นศาสนาพุทธ หรือโหราศาสตร์ ที่จะสามารถไปค้นพบเรื่องอย่างนี้ได้

การที่นักดาราศาสตร์เข้าค้นพบนั้น เขาใช้กล้องโทรทรรศน์ แล้วไปพบ หรือว่า ดาวเคราะห์หรือดาวหาบางดาว เรารู้จักวงโคจรของมันดีแล้ว เขาจึงรู้ว่า มันจะมาถึงเมื่อไหร่

แล้วตอนนี้ ในระบบสุริยจักรวาลของเรานั้น นักดาราศาสตร์ค่อนข้างจะรู้จักดีอยู่แล้ว  ดาวเคราะห์ใหม่ๆ คงไม่มีการค้นพบแล้ว

ถ้าเป็นดาวฤกษ์นอกระบบสุริยะ หรือหลุมดำอะไรทำนองนั้น อาจจะมีการค้นพบกันได้..

หมอปลายทำแบบนี้ขึ้นมาก็เพื่อทำมาหากินของเขา..






คำทำนายจากศิลาจารึก[02]

ในบทความ “คำทำนายจากศิลาจารึก[01]” ที่เขียนไปแล้ว คำทำนายนั้น “มั่ว” จนหาสาระและเหตุผลไม่ได้  เนื้อหาที่จะวิพากษ์วิจารณ์ต่อไปนี้  ยิ่ง “โคตรมั่ว” หนักขึ้นไปอีก

ว่าดังนี้  ชา ตะ มะ สะ ละ วา  พระพุทธชินลิตนี้ ท่านให้เขียนใส่กระดาษ หรือผ้าขาวติดไว้หน้าบ้าน หรือหัวนอน ดังนี้ จะมีอายุยืนยาวจะทันผู้มีบุญชื่อ พระธรรมมิกราช

เมื่อแรกสถิตอยู่เขตอยุธยา  บัดนี้ท่านเสด็จอยู่ล้านช้าง (ภาคอีสานปัจจุบัน) พระธรรมมิกราชา เข้ามาปีกุนเดือน ๑๑ เป็นเที่ยงแท้หนักหนา 

ท่านเสด็จมาในปีระกา แรม ๕ ค่ำ มหากษัตริย์มาทางทิศตะวันตก สมณะชีพราหมณ์ตามมา พอประมาณได้ ๗๖,๔๐๐ รูป ทั่วอาณาจักร

ผมก็ไม่รู้ว่า พระพุทธชินลิตนี้ มาจากไหน มาได้อย่างไร ในคำทำนายอันบ้าๆ บอๆ นี้  ข้อความในส่วนนี้ ไม่ได้เข้าเป็นเรื่องเดียวกันกับ “คำทำนายของพระพุทธเจ้า” แล้ว 

คนเขียนมั่วไปเรื่อยแล้ว  หรือว่า “ความมั่ว” นั้น เป็นจุดเด่นของคำทำนายประเภทนี้  คือ มันยิ่งทำให้คนยิ่งเชื่อง่ายขึ้นไปอีก

คาถาที่ว่า “ชา ตะ มะ สะ ละ วา” มันจะมีความศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้คนอายุยืนยาวได้อย่างไร  แล้วตัวละครที่สร้างขึ้นมาใหม่คือ “พระธรรมมิกราช” เขาเป็นใคร มีบุญบารมีอย่างไร  มีบทบาท ออกมาได้อย่างไร

แล้วตอนแรกเป็นคนไทยอยุธยา แล้วก็ไปอยู่ล้านช้าง ซึ่งมีวงเล็บที่ผิดเสียด้วย

วิกิพีเดีย ท่านว่าไว้ดังนี้ 
อาณาจักรล้านช้าง  เป็นอาณาจักรของชนชาติลาวซึ่งตั้งอยู่ในแถบลุ่มแม่น้ำโขง มีอาณาเขตอยู่ในบริเวณประเทศลาวทั้งหมด ตลอดจนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย โดยมีความเจริญรุ่งเรืองทั้งการเมืองการปกครอง ด้านศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนพระพุทธศาสนา ที่มีพัฒนาการเคียงคู่มาพร้อมกันอาณาจักรอื่นๆใกล้เคียง ทั้งล้านนา สยาม พม่า และเขมร

อาณาจักรล้านช้างเป็นเขตประเทศลาว ไม่ใช่เขตอีสานของไทย  เขตอีสานของไทยเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น

เรื่องนี้ในทางประวัติศาสตร์เป็นความจริง  คนอีสานนั้นส่วนใหญ่คิดแปลกแยกกับคนไทย (ทั้งๆ ที่เป็นคนในตระกูลภาษาไท-กะได (Tai-Kadai) ด้วยกัน


ภาพจากวิกิพีเดีย

 คนในภาคอีสานแม้กระทั่งปัจจุบันยังเรียกคนตั้งแต่โคราชมาจนถึงภาคกลางว่า “คนไทย” แสดงว่า แบ่งแยกกันในทางภาษา

ภาคอีสานนั้น สมัยก่อนเรียก “มณฑลลาวกาว”  ปีพุทธศักราช 2436 รัชกาลที่ 5โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อจากมณฑลลาวกาวเป็นมณฑลตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อให้ห่างจากความผูกพันธ์กับลาว

เรื่องท้าวสุรนารีก็เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น เพื่อให้ขาดกับทางลาว ให้เป็นไทยขึ้นมา เรียกกันว่า “สร้างความเป็นไทย”

ประเทศไทยจริงๆ หรือรัฐชาติไทยจริงๆ นั้น  ในทางประวัติศาสตร์เริ่มนับตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เปลี่ยนแปลงการปกครองนั่นแหละ

สมเด็จพระบรมนักปราชญ์ ได้ประกาศคาถาว่าดังนี้  นะสัจจัง ทะ คะ ยัง นะ สำ คำ ปัง คอยดูในปีมะโรง คนจะเดินโก่งโค้งคลาน

ทำไมคนจะต้องเดิน “โก่งโค้งคลาน”  ด้วย  อย่างนี้ “เกย์”  ชอบแน่ๆ

ผู้ใดอยากพบผู้มีบุญ ชื่อ ธรรมมิกราช ให้ภาวนา ให้หมั่นรักษาศีล สดับรับฟังพระธรรมเทศนา

จนกระทั่งป่านนี้แล้ว  ผมก็ยังไม่เห็น “ผู้มีบุญ ชื่อ ธรรมมิกราช” ปรากฎตัวขึ้นมาเลย เพราะ ตอนนี้เข้าระยะเวลาของคำทำนายนี้แล้ว 

เห็นแต่บรรดาพวกหลอกลวงประชาชน เช่น ไอ้เควี่ยธัมมชโย สมีนิการ สมียันตระ ฯลฯ เป็นต้น

คอยดูปีมะเส็ง ตลิ่งจะพัง มหาสมุทรจะชอกช้ำ อย่าเที่ยวไปกลางแจ้ง

สงสัยห้ามดูคอนเสริต์ ที่จัดกลางแจ้ง แต่ไปดูในร่มได้ 

ท่านเข้าปีกุน เดือน ๘ เป็นเที่ยงแท้  ผู้ใดไม่เชื่อจะรับอันตราย คอยดูในปีจอ คนจะพ้นภัย 

คำทำนายแบบนี้  มันก็ตลกดีเหมือนกัน ปีกุนมีอันตราย พอเข้าปีจอคนจะพ้นภัย  ก็คนมีภัยมันตายไปแล้วเมื่อปีกุน  อย่างนี้มันก็ถูก  แต่คนไม่เชื่อคำทำนาย จะได้รับอันตราย ส่วนคนเชื่อไม่ได้รับ มันไม่มีเหตุผล

ถ้าเกิดเหตุการณ์อย่างที่ทำนายนี้จริงๆ  ทั้งเชื่อและไม่เชื่อก็โดนไปด้วยกันทั้งนั้น

สะโรนะกา โททายะโม พุทธะตะยะ  ภาวนาทุกค่ำเช้า ผู้นั้นจะมีอายุยืนนาน จะได้เห็นพระธรรมนิกาย (พระโพธิสัตว์ศรีอริยเมตไตย) ในปีกุน

เอ้า.......ตัวละครเพิ่มมีอีก 1 ตัวแล้ว  เป็นตัวละครที่เก่าแก่มาก  ใครจะมาเล่นเรื่องนี้ ก็ต้องมีตัวละครตัวนี้ โผล่มาด้วยทุกครั้ง ...



คำทำนายจากศิลาจารึก[01]


ในบทความ “หนังสืออินตก” ผมได้เสนอไปแล้วว่า พุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่  คิดไม่เป็น”  เอาแต่ เชื่อลูกเดียวเท่านั้น

ซึ่งจะก่อให้เกิดความซวยติดตัวไปหลายภาพหลายชาติ เพราะ เป็นการกล่าวตู่พระพุทธองค์

เมื่อค้นคว้าเรื่องทำนองนี้มากๆ เข้าในอินเตอร์เน็ต ผมก็ยิ่งอเนจอนาถใจกับคนไทยกลุ่มหนึ่งมากขึ้นไปอีก เพราะ มีการนำเรื่องนี้ไปลงในเว็บต่างๆ เป็นจำนวนมากมาย

เป็นการคัดลอกเพื่อแสดงความโง่ของคนลอกเท่านั้น 

กล่าวคือ ไม่ได้มีการวิเคราะห์วิพากษ์วิจารณ์เพื่อชี้นำสังคมแต่ประการใด  เป็นการคัดลอกเพื่อเผยแพร่ความโง่แต่เพียงอย่างเดียว

ในการวิพากษ์วิจารณ์ในส่วนนี้ ผมนำมาจากบทความ “คำทำนายจากศิลาจารึก” จากเว็บของหนังสือพิมพ์พุทธธรรม

ลอกจากศิลาจารึกในมหาวิหารเจตมหาเชตะวัน  ณ สวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย

โดยคณะทูตไทย ที่ไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ  เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๕  ตามคำแปลเป็นภาษาไทย ว่าดังนี้..

เรื่องก็มั่วตั้งแต่ต้นเรื่องเลย “มหาวิหารเจตมหาเชตะวัน  ณ สวนมฤคทายวัน” มันมีอยู่หรือเปล่า ค่อนข้างเป็นที่น่าสงสัย แต่ไม่น่าจะมี เพราะ ในยุคของพระพุทธเจ้านั้น ไม่มีการบันทึกลงในศิลาจารึก

พระไตรปิฎกนั้น ท่องกันมาถึง 500 ปี จึงได้มีการเขียนลงเป็นลายลักษณ์อักษร แล้วก็น่าจะบันทึกลงใน ใบไม้ตระกูลปาล์ม

การที่ว่าลอกมาจากศิลาจารึกจึงเป็นเรื่องของการแหกตาค่อนข้างแน่นอน

การที่มีเรื่องคณะทูตไทยเข้ามาเกี่ยวข้องก็เพื่อเป็นการสร้างเรื่องให้ดูน่าเชื่อถือ สำนวนอื่นๆ ไม่มีเรื่องของคณะทูตไทย

สาธุ อะระหังตา  สัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระเมตตากรุณา สรรพสัตว์ทั่วโลก  ที่เกิดมาแล้วแต่ลำบาก  ทั่วหน้า ทุกชาติ ทุกศาสนา ตามธรรมชาติ

เมื่ออาตมาเข้าพระนิพพาน ไปแล้วครบ ๕,๐๐๐ ปี เป็นที่สุด โลกจะหมุนไปใกล้จะถึง จำนวนที่ตถาคตทำนายไว้

ตรงนี้ คำเรียกตัวเองของพระพุทธเจ้าก็ “มั่ว” แล้ว  คำว่า “อาตมา” นั้น เป็นคำเรียกตัวเองของพระไทย  พระพุทธองค์จะทรงเรียกตัวเองว่า “ตถาคต”  นี่ก็เริ่มมั่วแล้ว

สองพันห้าร้อยปี มนุษย์ และสัตว์ จะได้รับภัยพิบัติครั้งหนึ่งในระยะ ๓๐ ปี

สิ่งที่สาธุชนไม่เคยเจอะเจอจะได้เห็น ไม่เคยพบจะได้พบ ยักษ์หินที่ถูกสาบให้หลับจะตื่น ขึ้นมาอาละวาดยิ่งนัก

ตรงนี้ สงสัยจะอ่านนิทานมากไปหน่อย  มันมีที่ไหนในศาสนาพุทธที่มีการสาปยักษ์ให้เป็นหิน เรามีแต่คำสาปแช่ง ซึ่งก็เป็นเรื่องของคนธรรมดา พระพุทธองค์ไม่เคยทรงสาปแช่งใคร

แล้วยักษ์หินที่มันถูกสาปอยู่  มันออกจากคำสาปมาได้ยังไง  ก็น่าจะบอกเหตุผลให้รู้กันมั่ง

ใกล้กับ พ.ศ. ๒๕๐๐ ยิ่งทวีกันใหญ่ ขึ้นทุกทิวาราตรี มนุษย์นอกศาสนา จะรบราฆ่าฟันกัน จนถึงเลือดนองเต็มพื้นดิน  พื้นน้ำจะลุกลามเผามนุษย์ไม่ขาดระยะ

ต่างฝ่ายต่างทำลาย เหมือนยักษ์กระหายเลือด แผ่นดินจะเป็นเปลวไฟ จะตายไปอย่างละครึ่งหนึ่ง จึงจะเลิกล้ม

ต่างฝ่ายต่างหมดกำลังด้วยกัน  ตามวิสัยยักษ์ร้ายนอกศาสนา ซึ่งถือกำเนิดจากป่าอำมหิต

อันนี้ น่าจะเขียนขึ้นภายหลัง โดยคนเขียนหมายถึง สงครามโลกครั้งที่ 1 กับ ครั้งที่ 2 ซึ่งก็เขียนไม่ตรงกับความจริง

วิกิพิเดียบอกว่า สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ทำให้คนตายประมาณ 40 ล้านคน  สงครามโลกครั้งที่สองประมาณ 40 - 70 ล้านคน ไม่ได้ตายกันถึงครึ่ง และฝ่ายชนะก็ไม่ได้หมดกำลัง 

สงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้ประเทศอเมริกากลายเป็นมหาอำนาจมาจนถึงทุกวันนี้ ทั้งๆ ที่เป็นประเทศเกิดใหม่

ส่วนพุทธศาสนิกชน ผู้ที่ทำแต่บุญเดินตามทางตถาคต สามารถระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านใดได้บูชาพระโพธิสัตว์ ผ้ากาสาวพัสตร์  ก็จะรับภัยอันตรายเบาบาง

ตรงนี้ก็เพี้ยนไปอีกแล้ว มั่วไปอีกแล้ว  พระพุทธองค์จะทรงไปสนับสนุนการบูชาพระโพธิสัตว์ในสมัยที่พระองค์เผยแพร่ศาสนาอยู่ได้อย่างไร และผ้ากาสาวพัสตร์ จะช่วยให้ภัยอันตรายเบาบางไปได้อย่างไร

ถ้าเป็นเสื้อเกราะ ก็ว่าไปอีกเรื่องหนึ่ง

แต่หนีภัยธรรมชาติไม่พ้น ไฟจะรุกรามมาทางทิศตะวันออก

สมณะชีพราหมณ์  จะอดอยากยากเข็น ลูกไฟจะตกจากฟ้า เหล็กกล้าจะผุดจากน้ำ  สงครามจะเกิดทั่วทิศ 

ตรงนี้ก็มั่วไปอีก  ตกลงคนเขียนจะเอายังไงกันแน่ 

สงครามนั้นไม่ใช่ภัยธรรมชาติ ที่บรรยายมานั้น เป็นภาพการทิ้งระเบิดจากเครื่องบิน เป็นภาพของเรือดำน้ำ

พญานาคจะพ่นพิศเป็นเพลง ทหารจะเป็นเจ้า ข้าวสารจะขาดแคลน ทุกแคว้นจะอดอยาก พลูหมากจะหมดเปลือง สีเหลืองจะชนะ พระยังอยู่คู่เมืองอีกต่อไป สีขาวจะแพ้ภัยในที่สุด

ครุฑจะบินกลับฐาน  คนจะกลับบำรุงพระพุทธเจ้า

ผมนี่ค่อนข้างจะคุ้นเคยกับพญานาคพอสมควร ก็ยังไม่รู้ว่า พญานาคท่านไปเรียนร้องเพลงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงจะได้พ่นพิษออกมาเป็นเพลง